วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Privacy

อินเทอร์เน็ต เป็นการสื่อสารที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และโดดเด่นมากทั้งในเรื่องธุรกิจ และ การสื่อสารระหว่างผู้คน แต่ทว่ากฎเกณฑ์ที่มีอยู่ ยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับขนาด และ แนวทางที่กำลังเป็นอยู่ และจะกลายเป็นสิ่งที่หน่วยงานรัฐบาล จะเข้ามาดูแล แม้ว่าบางเรื่อง จะสามารถควบคุมได้ แต่งานนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะคอมพิวเตอร์ที่ต่อเข้าอินเทอร์เน็ต มีหลากหลาย และกระจัดกระจายทั่วโลก และแต่ละละประเทศก็มีกฎเกณฑ์ วัฒนธรรมไม่เหมือนกัน จึงเป็นเรื่องยาก การที่ไม่มีกฏเกณฑ์ หรือกฎหมายควบคุมอย่างเป็นทางการ จะมีผู้ตกเป็นเหยื่อ ของ ผู้ที่มีความรู้ทางด้านเทคนิคที่มีจิตใจไม่ดี สามารถ บุกรุก เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ ได้ โดยส่วนใหญ hacker ที่เป็นบุคคล มักไม่ค่อยสร้างปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวเท่าใดนัก ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่เป็นคนทำ website จะมีการกระทำที่ละเมิดสิทธิส่วนตัวกันค่อนข้างมาก สังเกตุจากเวลาเราเข้าดู website หลายแห่งเราจะต้องให้ข้อมูลส่วนตัวจึงจะเข้าไปดูได้ จากนั้นเวลาเราเข้าดูจะมีการเก็บข้อมูล เช่น ท่านไปดูหน้า web ใดบ้าง ใช้เวลาเท่าไรในการดู, คลิ้กไปที่ใดบ้าง และอื่นๆ อีกมากมาย ในที่สุดจะสามารถทราบถึง รสนิยมของท่าน, บุคลิก ซึ่งคำถามที่เกิดขึ้นก็คือ เขาจะเอาข้อมูลเราไปทำอะไรได้บ้าง? ส่วนใหญ่ กล่าวหาว่า เขาใช้ในการหาบุคลิกของท่าน เช่นถ้า ไซท์เกี่ยวกับเรื่องสวน ทราบว่าท่านสนใจในพืชชนิดหนึ่ง ครั้งต่อไปเวลาเราเข้ามาดูใหม่ อาจจะพบว่ามีบทความเกี่ยวกับพืชชนิดนั้นอยู่ แต่บางเวปไซท์ อาจขายข้อมูลของท่านไปกับนักการตลาด และท่านจะอาจได้รับ e-mail ที่ขายสินค้าจากผู้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ทำสวน e-mail ขยะเหล่านี้ ไม่เป็นเรื่องเคร่งเครียดอะไรมาก แต่เป็นสิ่งรบกวนความเป็นส่วนตัวของเรา ยกตัวอย่างเช่น เราไปหาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับการรักษามะเร็งเต้านม ท่านต้องการให้เขาขายข้อมูลว่าเรากำลังศึกษาเกี่ยวกับการรักษามะเร็งเต้านม ให้กับบริษัทประกันภัยหรือไม่? นี่ถือการเป็นการละเมิดข้อมูลส่วนตัวของเรา มีหลายๆ website ที่แสดง นโยบายทางสิทธิส่วนบุคคลให้เห็น ก่อนที่ท่านจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวออกไป ควรอ่านเอกสารเหล่านั้นให้ดีเสียก่อน บางแห่งมีการถามว่าเราต้องการที่จะได้รับการติดต่อจาก บุคคลที่ 3 หรือไม่ หากท่านต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สิทธิส่วนบุคคล ของผู้บริโภค สามารถอ่านได้ที่ http://www.etrust.com/ ถ้าท่านไม่ต้องการให้ข้อมูลของเราถูกเขาติดตาม ท่านสามารถตั้งค่าที่ browser ให้ไม่รับ cookies

Cookie คืออะไร ?

Cookie เป็นกลไกอย่างหนึ่ง ที่ช่วยให้ผู้พัฒนาโฮมเพจ สามารถจะใช้เก็บ สถานะการใช้งาน ต่างๆของผู้เยี่ยมชมได้ โดยปกติแล้วตัว HTTP เองนั้นจะ เป็นโปรโตคอลที่มีลักษณะเป็น "stateless" คือจะไม่มีกลไกเกี่ยวกับการ ตรวจสอบสถานะต่างๆ ของผู้ใช้ เมื่อมีการติดต่อกันครั้งหนึ่ง ก็จะจบสิ้น กันไปในแต่ละครั้ง ไม่สามารถที่จะตรวจสอบ สถานะการเข้าใช้งานของ ผู้เยี่ยมชมได้.. Browser โปรแกรมแรกที่มีการนำกลไก Cookie มาใช้ก็คือ Netscape Navigator 1.0 Cookie จึงพัฒนาขึ้นมาด้วยเหตุผลที่ว่านี่เอง เพื่อช่วยให้เว็บไซต์สามารถ ที่จะจัดเก็บข้อมูลบางอย่าง ไว้ที่ browser ของผู้เยี่ยมชมได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลที่ผู้เยี่ยมชมเคยกรอกแบบฟอร์มไว้ ข้อมูลว่าผู้เยี่ยมชมเคยเข้ามาเว็บไซต์ แห่งนี้แล้ว ข้อมูลส่วนตัวอะไรที่ผู้เยี่ยมชม เคยให้ไว้กับเว็บไซต์แห่งนี้ เช่นสมาชิกคนนี้เลือกไว้ว่า เขาอยากให้เว็บแห่งนี้แสดงสีพื้นสีแดงสด ครั้งต่อไป ที่เขาเข้ามาเราก็จะตรวจสอบจาก Cookie ได้ว่าเขาเคยเลือกไว้ว่าอยากให้ แสดงสีพื้นสีแดงสด เราก็แสดงสีพื้นเป็นสีแดงสด ตามที่เขาต้องการ และข้อมูลอื่นๆ แล้วแต่จะเก็บอะไร ที่จะทำให้เว็บไซต์สามารถจะแยกแยะ สถานะของผู้เยี่ยมชม และสามารถที่จะกำหนดสิ่งต่างๆที่ต่างๆ กันออกไปได้

ตัวของ Cookie เองนั้นเป็น HTTP header รูปแบบหนึ่ง ที่ประกอบ ไปด้วยข้อความที่เป็น Text อย่างเดียว (ไม่เป็น Binary) นั่นเอง ซึ่งข้อความ นี้จะถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำของ Browser ข้อความๆนี้จะประกอบไปด้วย Domain, path, ช่วงอายุของ Cookie, และตัวแปร กับค่าของตัวแปร ที่เว็บไซต์ได้กำหนดให้กับ Browser เก็บไว้ ถ้าหากว่า ช่วงอายุของ Cookie ที่กำหนดมีค่านาน กว่าช่วงเวลาที่ผู้เยี่ยมชม ใช้ในเว็บไซต์นั้น Cookie นั้นๆ ก็จะถูกเก็บไว้นาน จนกว่าจะหมดช่วงอายุของ Cookie เพื่อนำมาใช้อีก ในอนาคต

เว็บไซต์เขาจะใช้ Cookie กันทำไม?

ก็อย่างที่ว่ากันมาแล้วข้างต้น Cookie สามารถเก็บข้อมูลจำนวนหนึ่ง ไว้ใน Browser ของผู้เยี่ยมชมได้ ซึ่งก็ทำให้เกิดเหตุผลในการนำไปใช้งาน กันค่อนข้างจะหลากหลาย และกว้างขวาง อย่างเช่น บางเว็บไซต์ก็ต้องการ ให้เกิดการทำงานในลักษณะ Customize เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสามารถ กำหนดหน้าตาบางอย่าง ของเว็บไซต์ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ เมื่อผู้ใช้ เหล่านั้นกลับมาอีก เขาก็จะเห็นรูปแบบตามที่เขากำหนด หรืออย่างในแบบฟอร์ม การ Login เข้าใช้เว็บเมล์ ถ้ามีการเก็บ Cookie ไว้ ผู้พัฒนาโปรแกรม สามารถช่วยลดเวลา ของผู้เยี่ยมชมได้ โดยนำข้อมูลบางอย่างที่เก็บไว้แล้ว ใน Cookie มาใช้ ทำให้ผู้เยี่ยมชมไม่จำเป็นต้องมาพิมพ์ใหม่อีกบ่อยๆ เช่น Username หรืออย่างในเว็บไซต์ที่เป็นการขายของ Online อย่างเช่น Amazon ก็จะเอาไว้ใช้เก็บข้อมูลสิ่งของที่ผู้เยี่ยมชม ใส่ไว้ในตระกร้าชอปปิ้ง ก่อนที่จะไปจ่ายเงินยัง ระบบจ่ายเงินของเว็บไซต์ หรือเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อ แยกแยะผู้ใช้ อย่างเช่นที่พวก Banner โฆษณาทั้งหลายนิยมใช้กัน เมื่อแสดง ป้ายโฆษณาไป ก็จะมีการเก็บ Cookie ไว้ว่าแสดงป้ายของอะไรไป เมื่อผู้เยี่ยมชม คลิกที่ป้ายโฆษณา จะได้ไปยังปลายทางได้ถูกต้อง จะได้จ่ายเงินให้สมาชิก ได้ถูกคน .. ซึ่งจากประโยชน์สารพัดสารเพ แล้วแต่จะนำไปประยุกต์ใช้กันนี่เอง จึงทำให้ผู้พัฒนาโปรแกรมบนเว็บไซต์ นิยมใช้ Cookie กันมากขึ้น ประโยชน์อีกอย่างของ Cookie ก็คือทำให้เรา สามารถแยกแยะผู้เยี่ยมชมได้ดีขึ้น ลองพิจารณาตัวอย่างกันดีกว่านะ อย่างหลายๆเวปจะใช้หมายเลข IP ในการแยกแยะผู้เยี่ยมชม ว่าผู้เยี่ยมชมเนี่ยเคยเข้ามาแล้วหรือไม่ โดยอาจจะเป็นเพราะ เขายึดหลักว่า 1 IP คือ 1 ผู้เยี่ยมชม ซึ่งก็จะมีปัญหาตามมาอย่างที่เราเห็นๆกันอยู่ ทุกวันนี้คือเมื่อเป็นผู้เยี่ยมชม ที่มาจาก proxy ซึ่ง IP ที่ได้ก็จะกลายเป็น IP ของ proxy แทน หรืออย่างผู้ที่เล่นจากร้านเน็ตผ่าน wingate , winproxy ทั้งหลาย ก็จะมาด้วย IP เดียวกัน หรือผู้ที่ใช้ internet แบบ slirp ก็จะมี IP เดียวกัน และอื่นๆ ซึ่งก็จะทำให้เราแยกแยะผู้เยี่ยมชมได้ยาก ซึ่งถ้าใช้ Cookie ในการ ตรวจสอบ และ Browser ของผู้เยี่ยมชมยอมรับ Cookie ก็จะแยกแยะผู้เยี่ยมชม ได้ดีขึ้น

Cookies ทำงานกันอย่างไร

หลังจาก Web Server ของ Site ที่คุณเข้าไป ทำการส่ง Cookies มาเพื่อเก็บไว้ใน Browser ของคุณนั้น โดยปกติ คุณจะไม่รู้ตัว ว่าข้อมูลนั้นมีการ มาเก็บไว้ในเครื่องของ คุณแล้ว ในตัว Browser เอง จะมีที่ให้ set ไว้ว่า จะให้มีการ warning หรือเตือน ถ้าหาก WebSite นั้นต้องการมาเก็บ ข้อมูล Cookies ไว้บนเครื่องเรา ตรงนี้ จะ Set ได้ .. หลังจากมีการ เก็บข้อมูลไว้แล้ว วันถัดมา เมื่อคุณ เปิด Browser ของคุณ ตัว Browser จะทำการ Initialize หรือทำการเริ่มต้น โดยนำข้อมูลที่อยู่ภายในไฟล์ Cookies ที่เก็บบนเครื่องคุณ เข้าสู่หน่วยความจำ และ ตัว Browser จะคอยตรวจดูว่า ขณะนี้คุณเข้าไปใน Web Site ที่ทำการ เก็บข้อมูล Cookies ไว้บนเครื่องคุณหรือไม่ ... ถ้าหากมันพบว่า คุณกำลังเข้า Site นั้น ตัว Browser จะทำการ แต่ง He ader ของ HTTP ให้มีข้อมูล Cookies ที่ทาง Web นั้นบันทึกไว้ แนบไปกับ Header Request นั้นด้วย เพื่อที่ ทางฝั่ง Web Server จะนำข้อมูล นั้นไปเช็คต่อ ว่า คุณเป็นใคร คุณคือใคร

Cookie มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

Cookie ให้ประโยชน์มากมายทั้งกับผู้รับและผู้ส่ง ทางด้านผู้รับหรือบรรดานักท่องเว็บไซต์ทั้งหลายก็จะได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นเพราะไม่ต้องคอยนั่งกรอกข้อมูลซ้ำ ๆ เข่น ยูสเซอร์ไอดีในหน้าเว็บเพจเดิม หรือได้รับข้อมูลข่าวสารที่ตรงความต้องการทันทีในหน้าแรกของเว็บเพจ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาหาว่าข้อมูลเหล่านั้นอยู่ตรงส่วนไหนหรือเลือกที่จะไม่รับข้อมูลที่ไม่ต้องการได้เพื่อไม่ให้เป็นที่รำคาญใจ เป็นต้นในส่วนของเว็บไซต์ที่เป็นผู้ส่ง Cookie นั้นนอนว่าย่อมเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดเพราะเว็บไซต์ต่าง ๆ เหล่านี้ก็เปรียบเสมือนผู้ให้บริการและผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์นั้นก็เปรียบเสมือนลูกค้า ข้อมูลทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าย่อมเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญในการนำมาพัฒนาเว็บไซต์ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด การบริการที่รวดเร็ว สะดวกสบาย หรือความมีปฏิสัมพันธ์ของเว็บไซต์ มักจะเป็นที่ถูกใจผู้ใช้อินเตอร์เน็ต เพราะบรรดาผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั้งหลายมักจะเป็นคนใจร้อนและขี้หงุดหงิด ดังนั้นเว็บไซต์ต่าง ๆ จึงพยายามที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าอย่างมากที่สุดเพื่อสร้างความพอใจและดึงดูดให้ลุกค้ากลับมาใช้บริการอีก เพราะแต่ละเว็บไซต์นั้นใกล้กันเพียงแค่คลิกเดียวเท่านั้น ดังนั้นหากเว็บไซต์ใดสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่า ย่ามมีชัยไปกว่าครึ่ง และ Cookie ก็เป็นเครื่องมือตัวหนึ่งที่ช่วยให้เว็บไซต์มีความสามารถดังกล่าวประโยชน์ที่สำคัญอีกอย่างของ Cookie คือ การทำหน้าที่เก็บสถิติผู้เข้าชม ทำให้เจ้าของเว็บไซต์รู้ว่า ส่วนใดที่มีผู้ให้ความสนใจเข้าเยี่ยมชมมากที่สุดและส่วนใดน้อยที่สุด เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาเว็บไซต์ได จึงกล่าวได้ว่า Cookie เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างหนึ่งของผู้ให้บริการบนอินเตอร์เน็ตที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย

สามารถป้องกันหรือปฏิเสธ Cookie ได้หรือไม่

ในบราวเซอร์รุ่นใหม่ ๆ นี้มีความสามารถเพิ่มขึ้นมากมาย รวมทั้งการควบคุม Cookie ด้วยซึ่งช่วยให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั้งหลายรู้ตัวว่ากำลังได้รับCookie หรือปฏิเสธไม่รับ Cookie ทั้งหมดก็ได้ วิธีการกำหนดค่าดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับชนิดของบราวเซอร์ในอินเตอร์เน็ต เอ็กซ์พลอเรอร์ เวอร์ชัน 4 ขึ้นไป สามารถตั้งค่าในการาควบคุม Cookie ได้ โดยเลือกจาก View เมนู แล้วเลือก Internet Option จากนั้นให้คลิกเลือกที่ Advance Tab แล้วเลื่อนแถบ Scroll Bar ด้านข้านลงมาจนกระทั่งพบหัวข้อ Cookie ซึ่งมี 3 ตัวเลือก ให้เราสามารถทำเครื่องหมายได้ หากคุณไม่คิดที่จะปฏิเสธ Cookie ทั้งหลายให้เลือกหัวข้อ Always Accept Cookie หรือหากต้องการให้มีการเตือนก่อนทุกครั้งที่มีการส่ง Cookieมาให้เลือกหัวข้อ Prompt before Accepting Cookie แต่หากต้องการปฏิเสธ Cookie ทุกชนิดที่ ส่งมาให้เลือกหัวข้อ Disable All Cookies Useสำหรับบราาวเซอร์ เนสเคป เนวิเกเตอร์นั้นก็ต้องเป็นเวอร์ชัน 4 ขึ้นไปเช่นเดียวกันจึงจะมีความสามารถในการควบคุม Cookie ได้ โดยเลือกจาก Edit เมนู แล้วเลือก Preferences ซึ่งจะปรากฏ Dialog Box ขึ้นมา จากนั้นคลิกที่ Advance Setting แล้วจะมี 3 ตัวเลือกคือ Accept All Cookies, Accept only cookies that get sent back to the originating server และ Disable Cookies ในเวอร์ชันที่ใหม่ขึ้นจะเพิ่มหัวข้อ Warn me before accepting a cookie มาอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกัน Cookie คือการใช้โปรแกรมสำเร็จรูปซึ่งในปัจจบันมีหลายบริษัทที่พัฒนาโปรแกรมประเภทนี้ขึ้นมา โปรแกรมประเภทนี้ จะทำงานร่วมกับบราวเซอร์โดยผู้ใช้สามารถระบุชื่อเว็บที่ต้องการและไม่ต้องการรับ Cookie ได้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูและศึกษาโปรแกรมเหล่านี้ได้จาก

http://www.cookiecentral.com/files.htm
http://www.junkbusters.com/ht/en/links.html#nsclan